เพียงแค่คุณรับประทานอาหารที่คุ้นเคย อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์โดยไม่คาดคิด อาการหายใจติดขัด ความดันโลหิตลดต่ำ ผื่นลามทั่วร่างกาย และภาวะช็อก ล้วนเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงอาการแพ้อาหารเฉียบพลัน ซึ่งอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตหากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม
การรับมืออย่างรวดเร็วเป็นปัจจัยสำคัญในการลดความเสี่ยงของภาวะนี้ ผู้ที่มีประวัติแพ้อาหารจำเป็นต้องมีความรู้ในการป้องกันและเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่เสมอ ขณะเดียวกัน ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดก็จำเป็นต้องสามารถสังเกตอาการและให้ความช่วยเหลือได้อย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ลุกลามจนเกินควบคุม
Anaphylaxis คืออะไร
อาการแพ้อาหารเฉียบพลัน หรือในภาษาอังกฤษ Anaphylaxis คือ ปฏิกิริยาภูมิแพ้รุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากได้รับสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาการนี้เกิดจากการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันที่ไวต่อสารก่อภูมิแพ้ในอาหาร เช่น ถั่ว อาหารทะเล นม ไข่ หรือแม้แต่สารเติมแต่งในอาหารบางชนิด
เมื่อร่างกายเกิดปฏิกิริยา Anaphylaxis ระบบภูมิคุ้มกันจะปล่อยสารเคมี เช่น ฮิสตามีน (Histamine) ออกมาในปริมาณมาก ทำให้เกิดอาการรุนแรง เช่น หายใจติดขัด ลำคอบวม ผื่นขึ้นทั่วร่างกาย ความดันโลหิตลดต่ำอย่างรวดเร็ว และอาจนำไปสู่ภาวะช็อก ผู้ที่มีอาการนี้จำเป็นต้องได้รับยารักษา พร้อมส่งถึงมือแพทย์ในทันที
สาเหตุของอาการแพ้อาหารเฉียบพลัน
Anaphylaxis เกิดจากปฏิกิริยาภูมิแพ้ชนิดรุนแรง โดยมีอาหารเป็นปัจจัยกระตุ้นหลัก สารก่อภูมิแพ้ในอาหารที่พบบ่อย ได้แก่:
- ถั่วลิสงและถั่วเปลือกแข็ง (เช่น อัลมอนด์ วอลนัต มะม่วงหิมพานต์)
- อาหารทะเล (กุ้ง ปู หอย ปลา)
- นมวัว และผลิตภัณฑ์จากนม
- ไข่ โดยเฉพาะไข่ขาว
- ถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง
- ข้าวสาลีและผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกลูเตน
- สารปรุงแต่งอาหาร เช่น ซัลไฟต์ที่พบในไวน์และอาหารแปรรูป
บางกรณีอาจเกิดจากปัจจัยอื่น เช่น การออกกำลังกายหลังรับประทานอาหารที่แพ้ หรือการใช้ยาบางชนิดร่วมกับอาหารที่มีสารก่อภูมิแพ้
อาการของอาการแพ้อาหารเฉียบพลัน
อาการของ Anaphylaxis สามารถเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ภายในไม่กี่นาทีถึงชั่วโมงหลังสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ อาการที่พบได้ ได้แก่:
1. ระบบทางเดินหายใจ
- หายใจลำบาก หอบ หายใจมีเสียงวี้ด (wheezing)
- คัดจมูก น้ำมูกไหล จามรุนแรง
- กล่องเสียงบวม ส่งผลให้เสียงแหบ พูดลำบาก
2. ระบบไหลเวียนโลหิต
- ความดันโลหิตลดลงอย่างรวดเร็ว (Hypotension)
- หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ (Tachycardia)
- เวียนศีรษะ หมดสติ หรือช็อก
3. ระบบผิวหนัง
- ผื่นลมพิษขึ้นทั่วร่างกาย คันรุนแรง
- บวมที่ใบหน้า เปลือกตา ริมฝีปาก และลิ้น (Angioedema)
4. ระบบทางเดินอาหาร
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ปวดท้อง ท้องเสีย
- กลืนอาหารลำบาก
อาการที่รุนแรง เช่น หยุดหายใจ หรือหัวใจหยุดเต้น จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือฉุกเฉินทันที
วิธีปฐมพยาบาลผู้ที่มีอาการแพ้อาหารเฉียบพลัน
1. โทรเรียกรถพยาบาล (1669 ในประเทศไทย)
เมื่อสงสัยว่าเป็น Anaphylaxis ควรรีบโทรแจ้งหน่วยแพทย์ฉุกเฉินทันที แม้ว่าอาการอาจดูทุเลาลงก็ยังต้องได้รับการตรวจประเมินจากแพทย์ ต่อไป
2. ฉีดอะดรีนาลีน (Epinephrine) โดยเร็วที่สุด
- ใช้ Epinephrine auto-injector (เช่น EpiPen) ฉีดเข้ากล้ามเนื้อบริเวณต้นขาด้านนอก
- หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 5-15 นาที สามารถฉีดซ้ำได้อีกครั้ง
3. จัดท่าผู้ป่วยให้เหมาะสม
- หากผู้ป่วยยังรู้สึกตัว ควรให้นอนราบและยกขาขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด
- หากผู้ป่วยหายใจลำบาก ให้นั่งพิงพนักพิง
- ห้ามให้ดื่มน้ำหรืออาหาร เนื่องจากอาจทำให้สำลัก
4. ติดตามอาการและเตรียมรับมือภาวะแทรกซ้อน
- หากผู้ป่วยหมดสติ ให้ตรวจชีพจรและการหายใจ
- ถ้าหยุดหายใจ ให้ทำการ CPR โดยกดหน้าอกลึกประมาณ 5 ซม. ในอัตรา 100-120 ครั้งต่อนาที
เมื่อถึงมือแพทย์ จะทำการรักษาอาการแพ้อาหารเฉียบพลันอย่างไร
อาการแพ้อาหารเฉียบพลันเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที เมื่อผู้ป่วยมาถึงโรงพยาบาล แพทย์จะทำการรักษาตามหลักการทางการแพทย์ที่เหมาะสม โดยมีเป้าหมายเพื่อบรรเทาอาการ ลดความรุนแรงของปฏิกิริยาภูมิแพ้ และป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
ขั้นตอนรักษาโดยแพทย์
การรักษาหลักของอาการแพ้อาหารเฉียบพลันยังคงเป็นการใช้ ยาอิพิเนฟริน (Epinephrine) ร่วมกับการประเมินอาการของผู้ป่วยตามหลัก ABC ซึ่งเป็นแนวทางในการช่วยชีวิตผู้ป่วยในภาวะฉุกเฉิน โดยแต่ละขั้นตอนมีรายละเอียดดังนี้
1. ให้ยาอิพิเนฟริน (Epinephrine)
เมื่อผู้ป่วยมีอาการแพ้อาหารเฉียบพลัน แพทย์จะให้ยาอิพิเนฟรินทันที ซึ่งเป็นยาหลักที่ใช้ในการรักษาภาวะภูมิแพ้รุนแรง โดยปกติจะฉีดเข้ากล้ามเนื้อต้นขาเพื่อให้ยาออกฤทธิ์ได้อย่างรวดเร็ว หลังจากฉีดยา แพทย์จะเฝ้าสังเกตอาการและติดตามผลการรักษาอย่างใกล้ชิด
Epinephrine (เอพิเนฟริน) หรือที่รู้จักกันในชื่อ อะดรีนาลีน (Adrenaline) เป็นฮอร์โมนและสารสื่อประสาทที่ร่างกายผลิตขึ้นจาก ต่อมหมวกไต (Adrenal Glands) ที่สามารถนำมาใช้รักษาทางการแพทย์อย่าง Anaphylactic Shock, อาการแพ้อาหารและยา, ภาวะหัวใจหยุดเต้น เป็นต้น
2. ประเมินอาการตามหลัก ABC
หลังจากให้ยาอิพิเนฟริน แพทย์จะประเมินอาการของผู้ป่วยตามหลัก ABC ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญในการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉิน ได้แก่:
- A: Airway (ทางเดินหายใจ) – แพทย์จะตรวจสอบว่าทางเดินหายใจของผู้ป่วยเปิดโล่งหรือไม่ หากมีสิ่งแปลกปลอม เช่น อาหารหรือน้ำลายอุดกั้น แพทย์จะทำการกำจัดออก หากพบว่าผู้ป่วยมีภาวะทางเดินหายใจอุดตัน อาจต้องใส่ท่อช่วยหายใจเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถหายใจได้สะดวกขึ้น
- B: Breathing (การหายใจ) – แพทย์จะตรวจสอบว่าผู้ป่วยมีภาวะหายใจลำบากหรือไม่ หากพบว่าผู้ป่วยมีอาการหอบ หรือหายใจลำบาก แพทย์อาจให้ ออกซิเจน ผ่านหน้ากากหรือใช้เครื่องช่วยหายใจตามความจำเป็น
- C: Circulation (ระบบไหลเวียนโลหิต) – แพทย์จะตรวจสอบความดันโลหิต อัตราการเต้นของหัวใจ และระดับออกซิเจนในเลือด หากพบว่าความดันโลหิตลดต่ำลงหรือมีอาการช็อก อาจต้องให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ หรือให้ยาเพิ่มเติม เช่น ยาแก้แพ้ (Antihistamines), ยาไฮโดรคอร์ติโซน (Hydrocortisone), และน้ำเกลือ (IV fluids) เพื่อช่วยปรับสมดุลของร่างกาย
นอกจากนี้ ในกรณีที่ผู้ป่วยมีโรคประจำตัว เช่น โรคหอบหืด แพทย์อาจให้ ยาขยายหลอดลม (Bronchodilators) เช่น ซาลบูทามอล (Salbutamol) ผ่านเครื่องพ่นยาเพื่อช่วยให้การหายใจดีขึ้น
ขั้นตอนการเฝ้าระวังและติดตามอาการ
หลังจากทำการรักษาเบื้องต้นแล้ว แพทย์จะเฝ้าระวังอาการของผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด โดยทำการตรวจวัดสัญญาณชีพอย่างสม่ำเสมอ เช่น:
- วัด ความดันโลหิต
- วัด อัตราการเต้นของหัวใจ
- ตรวจ คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG)
- วัด ระดับออกซิเจนในเลือด
สำหรับผู้ป่วยเด็กหรือผู้ที่มีอาการรุนแรง อาจต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลเพื่อเฝ้าดูอาการเป็นระยะเวลานานกว่าผู้ใหญ่ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอาการแพ้ซ้ำหรือภาวะแทรกซ้อน
แผนการรักษาระยะยาว และการป้องกันอาการแพ้อาหาร
หลังจากพ้นช่วงวิกฤติ แพทย์จะแนะนำแนวทางในการป้องกันไม่ให้เกิดอาการแพ้อีกในอนาคต โดยมีแนวทางสำคัญดังนี้:
- หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ – ผู้ป่วยควรทราบว่าสารใดที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ และหลีกเลี่ยงอาหารหรือสิ่งที่อาจมีการปนเปื้อนสารนั้น
- พกยาอิพิเนฟรินแบบฉีดติดตัวเสมอ – ผู้ที่มีประวัติแพ้รุนแรงควรมี EpiPen หรืออิพิเนฟรินฉีดอัตโนมัติ และเรียนรู้วิธีใช้ให้ถูกต้อง
- แจ้งข้อมูลกับบุคคลรอบตัว – เช่น ครอบครัว เพื่อน หรือโรงเรียน เพื่อให้สามารถช่วยเหลือได้อย่างถูกต้องหากเกิดอาการแพ้
- ติดตามอาการกับแพทย์เฉพาะทาง – ในบางกรณี แพทย์อาจแนะนำให้เข้ารับการตรวจเพิ่มเติมเพื่อประเมินความรุนแรงของภูมิแพ้ และพิจารณาแนวทางการรักษาเพิ่มเติม
สรุป
Anaphylaxis หรืออาการแพ้อาหารเฉียบพลันเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด ผู้ที่มีอาการแพ้รุนแรงควรเตรียมพร้อมเสมอ และบุคคลรอบข้างควรมีความรู้เกี่ยวกับการปฐมพยาบาลเพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงที การป้องกันที่ดีที่สุดคือการหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ และหากเกิดอาการ ต้องรีบใช้ Epinephrine และเรียกหน่วยแพทย์ฉุกเฉินโดยทันที
สำหรับขั้นตอนการช่วยเหลือโดยใช้การ CPR คุณสามารถเสริมทักษะวิธีการปฐมพยาบาลที่ถูกต้องไม่ว่าจะเป็นการทำ CPR หรือการรับมืออุบัติเหตุต่างๆเช่น บาดแทง อาหารติดคอ อาคารชักเกรง และอื่นๆ สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมผ่าน การอบรมปฐมพยาบาลเบื้องต้น ขอแนะนำที่ CPR ง่านนิดเดียว
- มีอุปกรณ์การเรียนพร้อมให้ได้ลองใช้
- อุปกรณ์ทุกชนิดได้รับรองมาตรฐาน
- มอบวุฒิบัตรหลังอบรม
- วิทยากรผู้เชี่ยวชาญ ขึ้นทะเบียนเป็นผู้สอนอย่างถูกต้อง
- พร้อมจัดอบรมอินเฮ้าส์ 77 จังหวัด
- เหมาะสำหรับ : บุคคลทั่วไป, นักเรียน, พนักงานบริษัท อื่นๆ
รายละเอียดคอร์ส >> อบรมปฐมพยาบาล สำหรับบุคคลทั่วไป
ติดต่อสอบถาม : (064) 958 7451 คุณแนน / อีเมล [email protected]
- Simons, F. E. R., Ardusso, L. R. F., Dimov, V., Ebisawa, M., El-Gamal, Y. M., Ledford, D. K., & Thong, B. Y. (2011). World allergy organization anaphylaxis guidelines: Summary. The Journal of Allergy and Clinical Immunology, 127(3), 587-593.
- Sicherer, S. H., & Sampson, H. A. (2018). Food allergy: A review and update on epidemiology, pathogenesis, diagnosis, prevention, and management. Journal of Allergy and Clinical Immunology, 141(1), 41-58.
- Muraro, A., Roberts, G., Worm, M., Bilo, M. B., Brockow, K., Fernández Rivas, M., & Sheikh, A. (2014). Anaphylaxis: Guidelines from the European Academy of Allergy and Clinical Immunology. Allergy, 69(8), 1026-1045.
บทความที่น่าสนใจ
- เตรียมตัวก่อนบริจาคเลือด สำหรับผู้ต้องการบริจากเลือด
- วิธีการห้ามเลือดบริเวณคอ ตามหลักการปฐมพยาบาล
- เทคนิคการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย
- ขั้นตอนการปฐมพยาบาลเบื้องต้น เมื่อเกิดอาการช็อก